วันศุกร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2553

บันทึก ความคิดเห็น สังคมไทย วันที่ 24 เดือนเมษายน พ.ศ.2553 หรือ ปี ค.ศ.2010

วันที่ 24 เดือนเมษายน พ.ศ.2553 หรือ ปี ค.ศ.2010

วันนี้ผมตื่นเช้ากว่าปกติ กะประมาณ 6 โมงดูไม่ค่อยเช้าเท่าไหร่ แต่กะไวกว่าปกติที่ผมตื่น
ผมรู้สึกงัวเงียมากส์คงเพราะเบียร์่ช้างสองขวดเมื่อคืนที่ผมกินก่อนนอน มันกดประสาทผมให้หลับได้ก็ดันมีคนโทรศัพท์ปลุกผมตื่นซะงั้น เหอๆ พอดีเขาอยู่ทะเลอยากให้ผมไปอยู่ด้วย เพราะระลึกถึงช่วงเช้า
ที่สดใสตอนที่เราอยู่ด้วยกัน แล้วบรรยากาศมันกะพาเธอโทรศัพท์มาปลุกผม ทำให้ผมต้องมานั่งเขียนข้อความนี้เพราะเรื่องที่คิดค้างอยู่ในใจและเป็นประเด็นที่เราคุยและโต้เถียงกันประจำ ไม่เว้นแม้บรรยากาศดีๆของเธอเมื่อกี้นี้ เอาหละมาว่ากันอะไรที่มันค้างคาใจเราทำให้คนขี้เซาอย่างผมต้องลุกมาเขียนบทความนี้เธอบอกว่าตอนนี้เธออยู่ที่ชายหาด แถวใกล้ๆที่เราไปกัน อยากให้ผมไปอยู่ด้วยเรากะคุยกัน นัวเนียเชียวครับ
แล้วพอหมดเรื่องพูดเธอกะย้อนมาถามถึงสถานะการณ์ที่ทำให้คนไทยทั้งประเทศไม่มีความสุขก์ในตอนนี้มาว่า "แล้วเป็นยังไงกันมั่ง เขาทำอะไรกัน" ผมกะต้องตอบทั้งที่ยัง ง่วงนอน กะเพราะมันเป็นเรื่องที่ค้างคาใจ
มันทำให้ประสาทเราตื่นตัว ไอ้ที่งัวเงียเรากะดึงเอาพลังความคิดที่สะสมมาอธิบายเป็นคำพูดและเป็นความคิดเห็นส่งต่อไปให้เธอ ผมบอกกับเธอว่า "ตอนนี้เหรอ เราว่าคงพอมีโอกาศที่เราเห็นมั่งแล้วหละ เราคิดว่าฝ่ายแกนนำกำลังหาทางลงแล้วหละเขาคงคิดที่จะเจรจาอีกรอบ เพราะเขาไม่ยากที่จะพาคนไปตาย" ก้อด้วยความคิดที่นั่งคิดวิเคราะห์ข่าวสารต่างๆถึงแม้ผมจะไม่ค่อยอยากเชื่อข่าวสารเท่าไหร่มันสามารถปรุงแต่งได้เพื่อหวังผลแต่เราต้องนั่งวิเคราห์เองเพราะมันมีมูลเหตุอยู่เวปข่าวสาร แล้วกะแนวคิดของคนที่มาตั้งในกระทู้ ทุกคนกะแสดงความคิดเห็นแต่ละฝ่ายกะแสดง(อารมณ์) ของความคิดเห็นออกมาอย่างเห็นได้ชัดว่า ความคิดเห็นที่แฝงไปด้วยอารมณ์มัน เป็นยังไง (อันนี้อยากรู้ต้องลองหัดอ่านกระทู้ตามบอร์ดต่างๆดูครับ) ณ.เวลานี้ ต้องบอกว่ามันลุกรามรุนแรง ขนาดข่าวที่ไม่เกี่ยวของเขายังยกไปเชื่อมโยงด้วยอารมณ์ของแต่ละฝักฝ่าเรียกว่า ต้องเอาสักหน่อย ดูจิว่ามันจะตอบกันยังไง ผมกะมาเห็นนี่หละ ไอที่เขาว่า กะเพราะแกสโซฮอล์ มานเป็นยังไงฮ่าฮ่าฮ่า...
คนเราหาที่ลงสำหรับการรองรับอารมณ์ของตัวเอง ความหนึ่งที่ผมเคยคุยกะเธอ เราสรุปกันมาว่าคนเราเห็นแก่ตัวกันทุกคน พอเกิดสถานะการณ์ หนึ่งใด เราทุกคนจะหาคนที่เป็นคนผิด เพื่อมารับผิดชอบและทุกคนก็จะพลักความรับผิดชอบให้กับทุกคน ที่ไม่ใช่ตัวเองหรือพวกพ้องของตัวเอง เพื่อที่จะให้คนอื่นดูผิดกว่าตัวเองทั้งที่ตัวเองมีส่วนเกี่ยวข้อง เขาเรียกว่า เอาดีใส่ตัวชั่วให้คนอื่น เพื่อการเอาตัวรอดนี้หละที่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดเรื่องราวที่ทำให้ประเทศเกิดความไม่สงบสุขในวันนี้ สำหรับคำพูดที่ผมคุยกะเธอเมื่อกี้นี้มันพอสรุปได้ คร่าวดังนี้ครับ ต้องบอกว่าตอนนี้สังคมประเทศไทยแตกแยก เป็นสองฝักฝ่ายอย่างเห็นได้ชัดมันเป็นวิกฤตที่รุนแรงขนาดเพื่อนบ้านยังกลัวว่าเหตุการณ์ความรุนแรงบ้านเรามันจะส่งผลกะทบต่อบ้านเขาทั่วภูมิภาคผมจะแสดงความคิดเห็นออกมา ผมคิดเห็นยังไง ความเป็นกลางเรา อาจจะไม่ได้เป็นกลางที่สุด แต่ผมอยู่กับบุคคลทั้งสองฝ่าย แฝงตัวอยู่ในคนทั้งสองกลุ่ม นั่งครุ่นคิดว่าเขาอยากจะทำอะไรกัน เอาหละเรามาว่ากันผมจะจำแนก และพูดกันตรงๆ ไปเลยบางคนอาจไม่ชอบเพราะผมฟังคิดเองยังไม่ค่อยชอบ แล้วคนอื่นจะชอบเหรอตอนนี้ปัญหาความแตกแยกและต้นสายปรายเหตุมันมีอยู่ว่า

หนึ่ง. ยี่ห้อ ทักษิณ จะไม่เอาหรือเอา (มีคนสองกลุ่ม ไม่เอา กับเอา)
(อันนี้ผมบอกว่าคนที่เป็นกลุ่มอื่นไม่รวมนะครับเพราะยังเห็นไม่ได้ชัด)
สอง. ช่องโหว่ของสังคมที่ทุกคนกำลังมองกันอย่างคลุึมเคลือ
สาม. ความเห็นแก่ตัวของทุกคน เหตุผล ฐิถิ อารมณ์ สิ่งแวดล้อม ทำให้เรา ลืมมองย้อนมาุดูที่ตัวเราเอง
สี่. อำนาจอันยิ่งใหญ่ ของเงินตราที่ทำให้เราลืมตัว(จะบอกว่าปัญหาทั้งหมดทั้งมวลกะมาจากอำนาจของเงินตรานี่หละ)
มาวิเคราะกันครับใน สี่ประเด็นก่อน แล้วใครจ่าไปแตกอะไรแล้วแต่ความคิดของแต่ละคนครับ หึหึหึ

หนึ่ง. ยี่ห้อ ทักษิณ จะเอาหรือไม่เอามีคนสองกลุ่ม เอา กับไม่เอา
กะเห็นได้ชัดอะครับ มีเสื้อเหลือง เสื้อแดง จบครับไม่ต้องวิเคราะห์
สอง. ช่องโหว่ของสังคมที่ทุกคนกำลังมองกันอย่างคลุึมเคลือ
วิเคราะห์ได้ว่า ความจริงต้องบอกตั้งแต่ข้อที่หนึ่งหละแต่ว่าผมจะทำให้มันเห็นได้ชัดเลยจบก่อนว่าคนที่ไม่เอากะเอา มันแยกกันเห็นได้ชัดเลยต้องมีข้อสองเกิดมาไงครับที่ว่าช่องโหว่ของสังคมมันเห็นได้ชัดตรงที่ว่า
ม๊อบเสื้อเหลืองเป็้นคนชั้นกลางขึ้นไป
ม๊อบเสื้อแดง เป็นคนรากหญ้าหรือคนจนขึ้นไป (ทำไมไม่เรียกว่าคนชั้นต่ำเพราะจะเห็นได้ชัดว่าเรียกชั้นกลางกะชั้นสูงได้ทำไมไม่เรียกชั้นต่ำเรื่องนี้เรารู้อยู่แก่ใจเราครับ ประเทศไทยเราเลิกทาสมานานแล้วครับคำว่าคนชั้นต่ำให้หมดไป)ก้อเห็นได้ชัดอีกครับข้อสองนี้นั่นคือช่องโหว่ แต่พวกที่ลืมตัวผมไม่นับว่าเป็นคนชั้นไหนนะครับ เพราะเขายังไม่รู้ตัวเองผมกะไม่ไปส.ใส่เกือกกะเขาดีกว่าชองโหว่ยังไงผมจะอธิบายดังนี้ครับ เอาแค่คนชั้นกลางกับ คนจนนะครับ ชั้นอื่นไม่ต้องอธิบายคนชั้นกลางคือคนที่พอมีพอกิน เกิดปัญหาขัดสนอะไรมาสามารถหาช่องทางในการแก้ปัญหานั้นได้พอจะหาคนหยิบยืมได้
คนจนคือคนที่จะกินยังไม่ค่อยจะมีอยู่แล้ว เกิดปัญหามาจะมองไปหาทางไหนหละครับ จบครับสำหรับข้อสอง
สาม. ความเห็นแก่ตัวของทุกคน เหตุผล ฐิถิ อารมณ์ สิ่งแวดล้อม ทำให้เรา ลืมมองย้อนมาุดูที่ตัวเราเอง
ปัญหาทุกอย่างในตอนนี้ มันเกิดเริ่มต้นมาแต่ข้อ หนึ่งและสอง หากคนที่ยังไม่เข้าใจข้อหนึ่งข้อสอง
กะต้องมาดูข้อสามครับ ถ้าไม่เข้าใจเลยข้อหนึ่งกะสองแล้วเรากะไปอยู่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง บอกว่าเรามีเหตุผล
อย่างโน้นอย่างนี้ สิ่งแวดล้อม กลุ่มคน อารมณ์ร่วม ฐิถิ มันจะนำพาเราไปครับ ทุกสถานะการมันจะเป็นอย่างนั้นผมบอกแต่แรกเมื่อกี้แล้วครับ "คนเราเห็นแก่ตัวกันทุกคน พอเกิดสถานะการณ์ หนึ่งใด เราทุกคนจะหาคนที่เป็นคนผิด เพื่อมารับผิดชอบและทุกคนก็จะพลักความรับผิดชอบให้กับทุกคน ที่ไม่ใช่ตัวเองหรือพวกพ้องของตัวเอง เพื่อที่จะให้คนอื่นดูผิดกว่าตัวเองทั้งที่ตัวเองมีส่วนเกี่ยวข้อง เขาเรียกว่า เอาดีใส่ตัวชั่วให้คนอื่น" พอดีกลุ่มสองกลุ่มแยกกันเห็นได้ชัดกะจะหาเหตุผลที่มาสนับสนุนฝ่ายตัวเองเพื่อจะพลักความผิดให้อีกฝ่ายทำให้เราลืมมองที่ตัวเราเอง มันอย่างนั้นครับ
ผมจะยกตัวอย่าง ผมเคยเห็นรถคันหนึ่งเขียนข้อความติดหลังรถ ว่า "งานหนัก ไม่ได้ฆ่าคน" ผมสมมุติฐานนะครับตามขบวนการตามวิทยาศาสตร์ หุหุ
เจ้าของรถกำลังจะบอกว่าเขาสู้ชีวิตพอตัว ไม่กลัวสำหรับงานหนักขนาดไหน ไม่ทำให้เขาตายหรอก เอาหละมาดูประเด็นของเรากัน
กลุ่มแรก กลุ่มคนเสื้อแดงก่อน ถ้าตอนสถานะการณ์นี้ หยิบมาพูดแล้วเขาเอาเหตุผล อารมณ์ ฐิถิ ของตัวเองมาฟังข้อความเมื่อกี้แล้วมันกะจะบิดเบียนความหมายไป ผมคิดเองนะครับ คนอื่นอาจคิดอย่างอื่นกะได้ ทุกคนจำเหตุการณ์ วันที่ 10 เมษายน ได้นะครับ"งานหนัก ไม่ได้ฆ่าคน" เขากะคิดว่า เขาเป็นคนชนชั้นกรรมกร ต้องใช้แรงงานอยู่แล้วต่อให้งานหนักแค่ไหนกับ เหตุผล อารมณ์ ฐิถิ ของเขาตอนนี้มันงานหนักๆมันจิ๊บๆ และมันไม่ได้สั่งให้ทหารไปยิงประชาชนด้วย จบสำหรับความคิดฝั่งนี้ครับ (ผมยกตัวอย่างนะครับอย่าเอาอารมณ์ไปผูก)
กลุ่มคนเสื้อเหลือง "งานหนัก ไม่ได้ฆ่าคน" เขากะคิดว่า เสื้อแดงกลับไปทำไร่ไถนาได้แล้ว ไม่ต้องมาตายเสียเปล่าอย่างนี้ ถูกเขาหลอกมายังไม่รู้อีกข้อความหลังจากนี้อาจจะรุนแรงไปได้อีก เหอๆๆ (ผมยกตัวอย่างนะครับอย่าเอาอารมณ์ไปผูกย้ำๆๆๆ)นี่หละครับ แค่ข้อความนี้เรากะแสดงเห็นถึง เจตจำนงของเจ้าของรถ กับการหาเหตุผล สนับสนุนฝ่ายตัวเองของทั้งสองฝั่ง ซึ่งบวกไปด้วยอารมณ์ และ ฐิถิ ที่มีอยู่ในตัวหละ
จบครับสำหรับข้อสามนี้มาต่อกันที่ข้อที่สี่ครับ
สี่. อำนาจอันยิ่งใหญ่ ของเงินตราที่ทำให้เราลืมตัว(จะบอกว่าปัญหาทั้งหมดทั้งมวลกะมาจากอำนาจของเงินตรานี่หละ) นี่เลยครับตัวหลัก สังคม และเทคโนโลยี วัตถุมันกำลังบีบบังคับทั้งสองฝ่ายให้ต้องหวังพึ่งอำนาจเงินตรา เพื่อการเอาตัวรอดของตัวเราเอง แต่หละฝั่งกำลังบอกผมจากข้อสามใช่ไหมครับ
ว่าเราไม่ได้ทำเพื่อเงิน แต่ลืมไปหรือป่าวครับ เราใช้เงินทุกวันจนลืม และกำลังทำเงินเพื่ออนาคต (ทำงานเพื่อ ทำกิจการเพื่อ ทำฯลฯเพื่อ)และที่ทำเพื่ออนาคต เพื่อลูกหลาน ทั้งสองฝ่ายมีความคิดเหมือนกันครับ ที่เพื่อประเทศชาติ แย่งกันรักเข้าไปครับ แต่กำลังทำลายกันเองเพราะอำนาจเงินตรานี่หละครับทำเราลืมตัว
ผมจะขยายอีกสักหน่อย สมมุติ ผมกลัวตำรวจมากส์(เอาความจริงมาพูดอีกหละฮ่าฮ่าฮ่า) ถ้าผมมีตังค์ผมจะไปกลัวเขาทำไมตำรวจกะอยากได้ตัง เอาตังค์ให้เขาเรากะไปของเราถ้าผู้อ่านนึกไม่ออกลองคิดตอนโดนตำรวจเรียกตรวจรถครับ ทั้งที่เราไม่ผิดกะยังต้องให้ตังค์เขา หนึ่งเด่วมันกะยัดข้อหาผม สองเสียเวลา สามมันมายังไงวะเนี่ย (อันนี้ผมต้องขออภัยที่ทำให้คนคิดน้อยทำให้ภาพลักษณ์ตำรวจเขาเสียหายนะครับผมยกตัวอย่างครับตำรวจเขากะทำหน้าที่ของเขา)แต่เราปฏิเสธไม่ได้ว่า ทั้งสองฝ่ายจะมีความคิดที่ต่างกัน
ฝ่ายเสื้อแดง ไม่มีตังค์ โดนแน่ๆ ฝ่ายเสื้อเหลือง อาจจะผิดๆมาเด้ ไม่ยอมจ่ายเสียตังค์ให้มันทำไม มันเรื่องมากส์กะยัดตังมันเรื่องกะจบ เอาหละพอจะเห็นอำนาจเงินกะความคิดเห็นที่แตกต่างกันคร่าวๆนะครับ อำนาจเงินตรามันเยอะแยะมากส์เหลือคะนานับได้ ทำให้เราลืมตัวและเป็นต้นสายปลายเหตุที่แท้จริง ปัญหาที่เกิดวันนี้ผมจะบอกว่ามันเร็วไปสำหรับสังคมไทยเราที่เป็นอยู่ด้วยขนบธรรมเนียมประเพณีที่งดงาม วันนี้ขนาดสงกรานต์เรายังไม่ค่อยมีความสุขก์เลย ต้องหันหลังให้กับบ้านเมืองเพื่อไปหาความสุขก์ให้กับครอบครัว
แล้วกะกลับมานั่งครุ่นคิด และไม่สบายใจต่ออีกกับบ้านเมือง ความแตกต่างระหว่างชนชั้น ช่้องโหว่ยังมีให้เห็นและมันเริ่มแสดงออกมาได้ชัดเจน ทำให้ความสุขก์ของคนไทยเราลดน้อยลงไป แต่หากจะเริ่มคิดให้เริ่มที่ตัวเอง รู้จักหยุด อย่าเอา เหตุผลที่บวกกับ อารมณ์และฐิถิ มาเป็นที่ตั้งมองดูตัวเราเองว่า แท้จริงต้องการสิ่งไหนหลงอยู่ในวังวนของอำนาจเงินตราหรือไม่ เงินตรามันทำให้ดำเป็นขาว ขาวเป็นดำได้ เรารู้อยู่กับตัวครับ

สุดท้ายนี้อยากให้ประเทศชาติผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยดีครับไม่อยากให้มีการสูญเสียของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด
การเริ่มคิดที่ไม่เอา เหตุผลที่บวกกับ อารมณ์ ฐิถิ ด้วย หัวใจคนบ้านเราก็จะเห็นซึ่งทางออกได้ครับ
คนบ้านเรามีหลายล้านคน ลดดีกรี อารมณ์แหละชวน(ช่วย)กันคิด ผมว่ามันมีทางออกที่ดีสำหรับเราๆครับ

แล้วผมว่าต้องไปอาบน้ำสักหน่อยแล้ว